ข้าวโพด เป็นธัญพืชที่มีความอุดมไปด้วยวิตามินต่างๆ ใยอาหาร เชื่อว่าการกินข้าวโพดมีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการ เช่น ช่วยให้ระบบขับถ่ายได้ดีขึ้น รวมถึงป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจและอื่นๆ ข้าวโพดเป็นธัญพืชเต็มเมล็ด แบบที่คนส่วนใหญ่ชอบกินคือ ข้าวโพดหวาน ป๊อปคอร์น ข้าวโพดข้าวเหนียวหรือข้าวสาลี
ข้าวโพดต้มแล้วกิน ใช้ในการปรุงอาหารหรือทำขนม แต่นอกจากจะมีรสชาติอร่อยแล้ว ข้าวโพดหวานยังมีสารอาหารที่จำเป็นตามภาพด้านล่างอีกด้วย คาร์โบไฮเดรต ข้าวโพดก็เหมือนกับธัญพืชอื่นๆ โดยมีคาร์โบไฮเดรตเป็นองค์ประกอบหลัก ข้าวโพดต้ม 2 ฝักประมาณ 200 กรัม มีแป้ง 30 กรัม และน้ำตาล 50 กรัม
ข้าวโพดครึ่งหนึ่งให้คาร์โบไฮเดรตเทียบเท่ากับข้าว 2 ช้อน ดังนั้นแพทย์ ไม่แนะนำข้าวโพดเสิร์ฟกับข้าว เพื่อไม่ให้ร่างกายได้รับพลังงานที่ไม่จำเป็น ใยอาหาร ข้าวโพดมีใยอาหารสูง ข้าวโพดหวานปรุงสุก 1 เม็ดมีไฟเบอร์ประมาณ 2.4 กรัม ในขณะที่ข้าวโพดคั่ว 112 กรัมมีไฟเบอร์ประมาณ 16 กรัม ซึ่งเป็น 42 เปอร์เซ็นต์ ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน
สำหรับผู้ชายและ 64 เปอร์เซ็นต์ สำหรับผู้หญิงต้องการต่อวัน สารต้านอนุมูลอิสระ ข้าวโพดอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิดที่ช่วยป้องกันหรือยับยั้งการทำลายเซลล์ที่เกิดจากอนุมูลอิสระ อะไรคือปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคต่างๆ เช่น โรคมะเร็ง โรคหลอดเลือด ฯลฯ
ข้าวโพดหวานที่คนส่วนใหญ่รับประทานประกอบด้วยกรดเฟรูลิกและสารต้านอนุมูลอิสระในกลุ่มแคโรทีนอยด์ Carotenoids คือสารสีเหลือง ส้ม และแดงของพืช เช่น ซีแซนทีน ลูทีน คริปโตแซนทีน และเบต้าแคโรทีน โรเทน เบต้าแคโรทีน
สารอาหารในข้าวโพด อาจมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคบางชนิด อย่างไรก็ตาม มีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์บางชิ้นที่แสดงให้เห็นประโยชน์ในด้านต่างๆ ของสุขภาพ ดังต่อไปนี้ ข้าวโพด เป็นธัญพืชที่มีสารอาหารครบถ้วนค่อนข้างสูง จำเป็นต่อสุขภาพดวงตาและช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการมองเห็น
ข้าวโพดมีวิตามินมากกว่าธัญพืชอื่นๆ ถึง 10 เท่า และยังมีสารตั้งต้นของวิตามินอย่างคริปโตแซนธินและเบต้าแคโรทีน เมื่อเข้าสู่ร่างกายของมนุษย์แล้วจะถูกเปลี่ยนเป็นวิตามินเอเพื่อใช้ในมนุษย์
ในการศึกษาเด็กอายุ 5-9 ปี จำนวน 1,030 คนที่มีความเสี่ยงต่อการขาดวิตามินเอหรือมีภาวะดังกล่าวได้รับข้าวโพด 30 กรัม 3 ครั้งต่อวัน เป็นเวลา 7 วันต่อสัปดาห์เป็นเวลา 7 เดือน ตอบสนองต่อแสงรูม่านตาทั้งก่อนและหลังการทดลอง พบว่ารูม่านตาของเด็กทดลองตอบสนองต่อแสงได้ดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม ข้าวโพดที่ใช้ในการศึกษาได้รับการดัดแปลงให้มีเบต้าแคโรทีนสูงกว่าพันธุ์ทั่วไป ปริมาณเบต้าแคโรทีนอยู่ที่ 15 ไมโครกรัมต่อน้ำหนัก 1 กรัม ดังนั้นการศึกษานี้จึงไม่สามารถใช้เพื่อยืนยันประสิทธิภาพของข้าวโพดที่ไม่ได้ปรับปรุงพันธุ์ได้จนกว่าจะมีการทดลองที่ชัดเจนกว่านี้
นอกจากวิตามินเอแล้ว ซีแซนทีนและลูทีนในข้าวโพดยังมีประโยชน์ต่อดวงตาอีกด้วย เนื่องจากสารทั้งสองชนิดนี้จะสะสมอยู่ในเรตินาในปริมาณมาก เชื่อกันว่าจอประสาทตาเสื่อมซึ่งพบได้บ่อยในผู้สูงอายุ อาจเกี่ยวข้องกับการได้รับซีแซนทีนและลูทีนไม่เพียงพอ
งานวิจัยชิ้นหนึ่งรวบรวมข้อมูลการบริโภคอาหารจากผู้ป่วยโรคจอประสาทตาเสื่อม 356 คน อายุระหว่าง 55-80 ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีซีแซนทีนและลูทีนในระดับสูงสุดจะมีความเสี่ยงต่อจอประสาทตาเสื่อมต่ำกว่าผู้ที่รับประทานซีแซนทีนและลูทีนในปริมาณที่ต่ำที่สุดถึง 43 เปอร์เซ็นต์
ข้าวโพดช่วยลดความเสี่ยงของโรคจอประสาทตาเสื่อม แต่การศึกษาไม่ได้ขอให้อาสาสมัครกินข้าวโพดเพียงอย่างเดียว ดังนั้นควรทำการวิจัยเพิ่มเติมในด้านนี้โดยเฉพาะเกี่ยวกับการบริโภคข้าวโพด ยืนยันประสิทธิภาพของข้าวโพดซึ่งอาจช่วยป้องกันหรือรักษาโรคตาได้ในอนาคต ทำหน้าที่ส่งเสริมระบบขับถ่าย
ข้าวโพดอุดมไปด้วยเส้นใยอาหารจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นไฟเบอร์ที่ไม่ละลายน้ำ มีคุณสมบัติกระตุ้นการทำงานของลำไส้ให้บีบตัวดีและช่วยบรรเทาอาการผิดปกติของลำไส้ เช่น ท้องผูก ริดสีดวงทวาร อุจจาระไม่ออก การรับประทานข้าวโพดอาจช่วยให้ระบบย่อยอาหารของคุณทำงานได้ดีขึ้น และอาจช่วยป้องกันความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร
งานวิจัยชิ้นหนึ่งได้ทดสอบคุณสมบัติการบรรเทาอาการท้องผูกของรำข้าวโพด โดยให้รำข้าวโพด 20 กรัมต่อวันแก่สตรีสุขภาพดี 10 คนที่มีอาการท้องผูก การหดตัวของลำไส้ทำให้อุจจาระนิ่มบ่อยขึ้นและบรรเทาอาการท้องผูกได้อย่างมีนัยสำคัญ การศึกษาอื่นดูที่ความสัมพันธ์ระหว่างการกินป๊อปคอร์นกับอุบัติการณ์ของโรคเกี่ยวกับผนังลำไส้
ในสภาพเช่นนี้ ถุงขนาดต่างๆ จะพัฒนาที่ผนังลำไส้ใหญ่ และอาจทำให้ลำไส้อักเสบหรือมีเลือดออกในลำไส้ได้ ในการศึกษานี้ ผู้ชาย 47,228 คน อายุ 40-75 ปี ที่ไม่มีระบบทางเดินอาหาร มีความถี่ในการรับประทานป๊อปคอร์น ความเสี่ยงต่ำที่สุดต่อโรคถุงผนังลำไส้ต่ำกว่ากลุ่มที่บริโภคน้อยที่สุด 28 เปอร์เซ็นต์
แม้ว่าการศึกษาข้างต้นจะแสดงผลเชิงบวกว่าข้าวโพดมีประโยชน์แต่ปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ที่ชัดเจนหรือไม่มีเลย จึงควรมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อแสดงคุณสมบัติของข้าวโพดในเรื่องนี้ ผู้ที่ป่วยหรือมีปัญหาเกี่ยวกับการย่อยอาหารควรไปพบแพทย์และปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการรับประทานอาหารที่เหมาะสม
บทความที่น่าสนใจ ผมหงอก เมื่อเข้าสู่วัยชราคุณต้องเตรียมใจกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับผมของคุณ